เงินออมเผื่อกรณีฉุกเฉิน
ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดี ค่าครองชีพสูง แต่รายได้ไม่สูงตามอย่างในปัจจุบัน การประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัวกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับใครหลายคน แต่ถึงอย่างนั้น ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งเข้านอนตอนกลางคืน เรามีกิจกรรมมากมายที่ล้วนแต่ต้องใช้ “เงิน” ด้วยกันทั้งสิ้น แล้วเราควรเริ่มประหยัดจากตรงไหนก่อนดี? ดังนั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำ 5 วิธีประหยัดรายจ่ายในครอบครัวที่จะช่วยให้มีเงินออมเผื่อกรณีฉุกเฉิน
1. ลดการใช้ไฟฟ้า ประหยัดค่าไฟ
ช่วงนี้หลายคนออกมาบ่นเรื่องค่าไฟแพงผิดปกติ ส่วนหนึ่งก็เพราะเราเข้าสู่หน้าร้อนทำให้การใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็เพราะค่า “FT” หรือ “ค่าไฟฟ้าผันแปร” มีการปรับขึ้นตามอัตราการใช้กระแสไฟฟ้า ยิ่งเราใช้ไฟมากก็ยิ่งเสียค่าไฟมากขึ้นเป็นเท่าตัว บางคนเดือนที่แล้วจ่ายค่าไฟไปไม่ถึง 1,000 บาท แต่เดือนล่าสุดโดนค่าไฟไปเกือบ 3,000 บาทก็มี ดังนั้น เราจึงต้องมีวินัยในการใช้ไฟฟ้า หมั่นปิดไฟดวงที่ไม่ได้ใช้งาน ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเปิดแอร์พร้อมพัดลมเพื่อไม่ให้แอร์ทำงานหนัก
2. ปรับเปลี่ยนแพ็กเกจมือถือ
แพคเพจมือถือมีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันต่อเดือน ซึ่งเราควรเลือกแพ็กเกจให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากเราทำงานที่บ้าน และที่บ้านก็มี Wi-Fi อยู่แล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าแพ็กเกจมือถือแพง ๆ เพื่อใช้อินเทอร์เน็ต 4G/5G แบบไม่จำกัดอีกต่อไป อาจเลือกแพ็กเกจที่มีค่าบริการรายเดือนถูกลง เน้นการโทรเป็นหลัก และนำเงินส่วนต่างค่าแพคเกจมือถือมาเป็นเงินเก็บ
3. ทำกับข้าวกินเอง หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหรู4
การทำอาหารกินเองจะช่วยประหยัดค่าอาหารไปได้เยอะ เพราะทำครั้งหนึ่งสามารถกินได้หลายครั้ง เหลือก็เก็บใส่ตู้เย็นไว้อุ่นกินมื้ออื่น แถมการกินอาหารที่บ้านยังช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัวอีกด้วย ที่สำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงการทานมื้อหรูบ่อย ๆ เพราะมื้อหรูบางมื้อมีราคาเท่ากับมื้อธรรมดาหลายมื้อ หรือหากจำเป็นต้องทานมื้อหรูจริง ๆ ก็ควรเปรียบเทียบราคาของแต่ละร้านเพื่อช่วยให้เราประหยัดเงินได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
4. ซื้อของที่ใช้แทนกันได้แต่ราคาถูกกว่า
ของอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ที่วางขายอยู่ในท้องตลาด แม้จะเป็นของชนิดเดียวกัน แต่ก็อาจมีราคาต่างกัน ขึ้นอยู่กับคุณภาพและยี่ห้อ อย่างไรก็ตาม ในยุคที่ค่าครองชีพสูงแบบนี้ การเลือกซื้อแต่ของดีที่สุดหรือแพงที่สุดอาจทำให้กระเป๋าแฟบก่อนสิ้นเดือนได้ การเลือกซื้อของที่ใช้แทนกันได้แต่ราคาถูกกว่าจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เช่น หากเราเคยซื้อแต่น้ำแร่เข้าบ้าน ก็อาจเปลี่ยนมาซื้อน้ำเปล่าธรรมดาที่ราคาถูกกว่า แต่ช่วยดับกระหายได้เหมือนกัน เป็นต้น
5. ยกเลิกบริการรายเดือนที่ไม่ได้ใช้งาน
บริการรายเดือนอย่างฟิตเนสรายเดือน, นิตยสารรายเดือน รวมถึงบริการสตรีมมิงรายเดือน เช่น Netflix, Disney+, HBO, Amazon Prime, YouTube, iQIYI, VIU ฯลฯ ถือว่าได้รับความนิยมอย่างมาก บางครอบครัวสมัครสมาชิกไว้เกือบทั้งหมดที่กล่าวมา สมัครเยอะจนลืมว่าเคยสมัคร แต่กลับแทบไม่ได้ใช้งาน หรือใช้งานจริงเพียงแค่ 1 – 2 อย่างเท่านั้น กลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโตในแต่ละเดือน หากสามารถยกเลิกบริการที่ไม่ได้ใช้งานก็จะช่วยประหยัดรายจ่ายในแต่ละเดือนได้ไม่น้อย