การมีเงินเหลือเก็บ นอกจากมาจากความสามารถในการประกอบอาชีพที่มีรายได้สูงเพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแล้ว ยังขึ้นกับการจับจ่ายใช้สอยอย่างเหมาะสม หรือที่เรียกว่ารู้จักใช้จ่ายอย่างประหยัดและเห็นคุณค่าของเงินด้วย

เรามาดูกันว่า ถ้าต้องการเพิ่มจำนวนเงินออม จะปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันอย่างไรได้บ้าง

1.วางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ
ผู้ที่มีรายได้ที่จำกัดหรือมีภาระค่าใช้จ่ายมาก ต้องควบคุมการไหลออกของเงินจากกระเป๋าให้ดี ด้วยการจดบันทึกรายรับรายจ่ายประจำเดือนสม่ำเสมอ โดยใช้ไดอารี่หรือแอปบริหารเงินในมือถือ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องรู้ว่าแต่ละเดือนมีค่าใช้จ่ายจำเป็นอะไรบ้าง เช่น ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าน้ำค่าไฟ ค่าเช่าบ้าน ค่าเบี้ยประกัน ฯลฯ เพื่อที่จะวางแผนว่าจะใช้เงินที่เหลือจากการหักค่าใช้จ่ายอย่างไรจึงจะเพียงพอ และยังต้องแบ่งส่วนหนึ่งไปเก็บออมอีกด้วย ทั้งนี้ ควรใช้หลัก 70 ต่อ 30 คือ รายได้ 30 เปอร์เซ็นต์ต้องเก็บออมสำรองเพื่ออนาคตและใช้ยามฉุกเฉิน ส่วนอีก 70% ต้องให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน รวมถึงค่าใช้จ่ายของใช้ฟุ่มเฟือยตามโอกาสที่จะไม่นำเงินออมออกมาใช้โดยเด็ดขาด

2.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารนอกบ้าน
การซื้อวัตถุดิบ ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ หมู ไก่ กุ้ง ปลา มาเตรียมทำกับข้าวด้วยตัวเอง จะประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมต่อเดือนได้หลายพันบาท เมื่อเทียบกับการซื้ออาหารรับประทานนอกบ้าน ทั้งแบบเมนูตามสั่งหรืออาหารฟาสต์ฟู้ดที่แม้จะสะดวกรวดเร็ว แต่จะได้ปริมาณอาหารที่น้อยกว่ามาก หรือหากใช้บริการสั่งอาหารผ่านระบบแอปพลิเคชันมือถือที่มาส่งถึงบ้าน ถ้าทำเป็นประจำก็จะยังแพงกว่าการซื้อและเตรียมทำเองในครัวอยู่หลายพันบาทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารนอกบ้านหรือสั่งทางมือถือเป็นครั้งคราวก็เป็นสิ่งช่วยลดภาระหากไม่มีเวลาทำอาหารได้ จึงต้องพิจารณาข้อดีข้อเสียและปรับให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ด้วย

3.ใช้บริการรถไฟฟ้าและรถเมล์แทนรถส่วนตัว
สำหรับผู้ที่ทำงานในสายอาชีพที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อสร้างรายได้อย่างอาชีพเซลล์แมน หรือไม่จำเป็นต้องพบปะติดต่อกับลูกค้านอกสถานที่ตามต่างจังหวัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแนะนำให้ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสะดวกมากจากบริการรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ ฯลฯ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายรายเดือนได้นับหมื่นบาท ทั้งค่าผ่านทางด่วน ค่าน้ำมัน ค่าดาวน์และผ่อนส่งรถ ค่าดูแลรักษาบำรุงรถยนต์ อาทิ เปลี่ยนยาง ถ่ายน้ำมันเครื่อง ล้างทำความสะอาดรถ ค่าภาษีและประกันภัย ฯลฯ

การปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันตามสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งช่วงหลังโควิดระบาดที่ต้องรัดเข็มขัด เพราะถ้าบริหารจัดสรรให้ดี รายจ่ายที่ไม่จำเป็นจะกลายเป็นเงินออมได้เกือบ 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว หวังว่าทุกท่านจะได้นำหลักการที่กล่าวมาไปประยุกต์ใช้ โดยถือคติว่า ประหยัดเสียแต่วันนี้ เพื่อเงินออมและความมั่งคั่งในอนาคต